จัดการสต็อกเหล็กและเมทัลชีท: FIFO, ถัวเฉลี่ย, จุดสั่งซื้อ และ Cycle Count
แนวทางปฏิบัติสำหรับร้านเหล็ก/โรงงานเมทัลชีทในการคุมสต็อก ลดของหาย และเพิ่มรอบหมุน พร้อมสูตรคำนวณที่ใช้ได้จริง
โครงสร้างสินค้าคงคลังที่แนะนำ
- รหัสสินค้า: แยกประเภท (คอยล์/แผ่น/อุปกรณ์), ความหนา, ความกว้างสุทธิ, เคลือบ, สี, ลอน
- หน่วยนับ: คอยล์ = กก., แผ่น = เมตร/แผ่น, อุปกรณ์ = ชิ้น/กล่อง
- การติด Lot/Heat: บันทึกเลข Lot ของคอยล์และเชื่อมกับแผ่นที่รีดออกมาเพื่อการ Trace
วิธีคิดต้นทุนสต็อก
- FIFO: เหมาะกับคอยล์/แผ่นที่ราคาผันผวนและต้องการสะท้อนต้นทุนล่าสุดช้ากว่าเล็กน้อย
- ถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average): ลดความผันผวนของต้นทุนต่อหน่วย เหมาะกับหน้าร้าน
- แนะนำ: ใช้ถัวเฉลี่ยสำหรับขายปลีก และ FIFO สำหรับรายงานโครงการ/วิเคราะห์กำไรขั้นต้น
จุดสั่งซื้อและสต็อกนิรภัย
- Reorder Point (ROP) = อัตราการใช้ต่อวัน × ระยะเวลา Lead Time (วัน) + Safety Stock
- Safety Stock (ง่าย ๆ) = ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของยอดใช้ต่อวัน × √(Lead Time)
- ตัวอย่าง: ใช้ 300 ม./วัน, LT = 5 วัน, SS = 400 ม. → ROP = 300×5 + 400 = 1,900 ม.
Cycle Count และความถูกต้องของสต็อก
- แบ่ง ABC ตามมูลค่า/ความเคลื่อนไหว: A = นับรายสัปดาห์, B = รายเดือน, C = รายไตรมาส
- ตั้งเกณฑ์ Accuracy ≥ 98% สำหรับกลุ่ม A และ ≥ 95% สำหรับกลุ่ม B/C
- ใช้บาร์โค้ด/QR ติดคอยล์และมัดแผ่นเพื่อกันสลับ Lot
KPI ที่ควรติดตาม
- Inventory Turnover = ต้นทุนขาย / สต็อกเฉลี่ย (เป้าหมาย: หมุนเร็วโดยไม่ขาดของ)
- Fill Rate = จำนวนบรรจุคำสั่งซื้อครบถ้วน / คำสั่งซื้อทั้งหมด
- Stock Accuracy = ต่างจากบันทึก ≤ 2% สำหรับสินค้าหลัก
เช็กลิสต์ปฏิบัติ
- อัปเดตคงเหลือทันทีหลังรีด/ตัด/ขาย ลดสต็อกค้างบันทึก
- แยกโซนเก็บคอยล์/แผ่นสำเร็จ/อุปกรณ์ชัดเจน ป้ายกำกับครบ
- รายงานสต็อกค้างนาน (Aged Stock) และทำโปรโมชันระบายเป็นรายเดือน
กลยุทธ์การตั้งราคาเหล็กและเมทัลชีท: คุมกำไรได้แม้ราคาวัตถุดิบผันผวน
แนวทางตั้งราคาแบบต้นทุนบวกกำไร (Cost-Plus), การอิงราคาตลาด (Index), ส่วนลดขั้นบันได และการทำโปรโมชันโดยไม่เผากำไร
กลยุทธ์การขายหน้าร้านและออนไลน์สำหรับร้านวัสดุก่อสร้าง/ร้านเหล็ก
วิธีจัดหน้าร้าน การตั้งหมวดหมู่สินค้าออนไลน์ Chat-to-Order ช่องทาง Line OA/FB/Marketplace พร้อมสคริปต์ขายและ KPI สำคัญ